วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2556

สำนวนหมาๆ

วันนี้ผมจะนำสำนวนที่เกี่ยวกับเจ้าหมา มาฝากกันครับ

a dog-eat-dog business ครับ
ไม่ใช่ธุรกิจที่เอาหมามากินกันเองนะ
แต่หมายถึงธุรกิจที่ต้องแก่งแย่งกัน ถ้าฝ่ายไหนได้ดี อีกฝ่ายก็มีผลกระทบเหมือนกัน
นอกจากนี้ Dog eat dog ยังหมายถึง การเหยียบบ่าผู้อื่นเพื่อให้ตัวเองก้าวหน้าด้วย


แต่คนเราก็ต้องดิ้นรน จริงไหมครับ ผมเองก็ต้องอยู่รอด ถึงแม้ว่าจะลำบากช่วงแรกๆ
แต่ก็นะที่เขาบอกว่า Every dog has its own day
แม้แต่หมาก็มีวันของมัน สำนวนนี้หมายถึง ไม่ว่าใครก็ต้องมีโชคหรือทุกข์กันทั้งนั้น เป็นเรื่องธรรมดา


ฉะนั้นตัวผมเองก็ต้องพยายาม ชีวิตของผมจะได้ไม่ต้องเป็น a dog's life

a dog's life ฝรั่งไปเปรียบเป็น ชีวิตที่ไม่มีความสุข มีแต่ความทุกข์ไม่รู้ทำไม แต่ผมว่าหมาหลายตัวยังมีความสุขกว่ามนุษย์ตั้งหลายคนซะอีก
It's a dog life being a cab driver.ช่างเป็นชีวิตที่ไม่มีความสุขเลยที่เป็นคนขับแท๊กซี่

(สมมตินะครับ ไม่ได้มีอคติอะไรกับคนขับ)เดี๋ยวจะโดนคนเข้ามาหาเรื่อง เพราะเผลอแกว่งเท้าหาเสี้ยน
โอ้.. ไอ้หลีกเลี่ยงแกว่งเท้าหาเสี้ยน ไม่หาเรื่องเดือดร้อนเข้าตัวเนี่ย ฝรั่งเขาก็มีสำนวนหนึ่งนะครับ ว่า
Let sleeping dogs lie ถ้าตรงๆตัวก็แปลว่าปล่อยให้หมาที่กำลังหลับอยู่ หลับต่อไป (อย่าให้มันตื่นหละ เดี๋ยวมันเข้ามาเลีย) ตัวอย่างประโยค
I wanted to ask her what she thought of her ex-husband, but I figured it was better to let sleeping dogs lie.
ฉันอยากจะถามเธอว่าเธอคิดยังไงกับสามีเก่าเธอ แต่ฉันมาคิดอีกทีว่า ฉันไม่ควรหาเหามาใส่หัวจะดีกว่า

 
อย่างที่บอก ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมฝรั่ง เอา หมา มาแทนความรันทดหดหู่ด้วย เพราะยังมีอีกหลายสำนวนหมาๆที่พูดๆกัน ในลักษณะเรื่องแย่ๆ
treat somone like a dog คือการปฏิบัติต่อผู้อื่นในทางแย่มากๆ เช่น
The prison guards treated prisoner like dogs ผู้คุมนักโทษปฏิบัติต่อนักโทษแย่มาก

และ dog ยังแสดงถึงความผิดหวังได้อีก เช่น
Last night, the party was a real dog.เมื่อคืนนี้ งานเลี้ยงน่าผิดหวังมากๆ

 
 


Under Dog แปลว่าคนที่เสียเปรียบ หรืออยู่ในฐานะเสียเปรียบอยู่ ส่วนคนที่ได้เปรียบเขาก็เรียกว่า Top dog คือหมาที่ยืนคร่อม under dog อีกตัว
 
Dog barks, no bite ด้วย หรือจะบอกว่า Barking dog don't bite ก็ได้
หมาเห่าไม่กัด
คือดีแต่พูดแต่ไม่กล้าจริง

 

อีกสำนวนหนึ่ง หลายคนคงเคยได้ยิน
Love me love my dog
รักฉันแล้วต้องรักหมาฉันด้วย
เขาหมายถึงเวลาบอกคนรักของคุณว่า ถ้าจะรักเขา ต้องยอมรับสิ่งที่เขาเป็น ไม่ว่าข้อเสียข้อด้อย ด้วยครับ

 
 
 
เรื่องหมาๆ ยังเอาไปพูดถึงเรื่องการแต่งตัวก็ได้ครับ
Like a dog's dinner
คำนี้เขาหมายถึงคนที่แต่งตัว แบบตัวเองคิดว่าสวยโก้เลิศหรู แต่ในสายตาคนอื่นเขามองว่างี่เง่าครับ
เห็นบ่อยเวลามีดาราออกงาน แล้วคนชอบซุบซิฐนินทาเกี่ยวกับเรื่องการแต่งตัวมากๆ

 
 
ขอแถมอีกสำนวนที่ว่าไม่เขียนก็คงไม่ได้ นั่นคือ
You can't teach an old dog new tricks.
อันนี้หมายถึงคนที่หัวโบราณ ไม่ยอมรับอะไรใหม่ๆ หรือรับได้ยาก เราจะไปสอนเขา เขาก็รับอะไรยากมาก

 
สำนวนไทยที่คล้ายกับฝรั่งก็มีอีกคำว่า
หมาหวงก้าง
คือพวกที่ไม่ชอบ หรือยอมให้คนอื่นมีความสุข หรือได้รับอะไรดีๆ (ทั้งที่ตัวเองก็ไ้ม่ได้อะไรดีด้วย)
ฝรั่งเขาก็เรียกคนแบบนี้ว่า
A dog in the manger

 
นอกจากสำนวน ผมขอพูดถึงแสลงหมาๆบ้าง
a jolly dog คือ คนที่มีความสุข
a sad dog คือ คนที่หลงระเริง และหมายถึง คนที่ก่อความเดือดร้อนไปทั่วด้วย
a sly dog คำนี้ คือ คนที่ชอบแอบออกไปเที่ยวผู้หญิงลับๆล่อๆ (เอาไว้ใช้ด่าไอ้พวกที่แอบออกไปเที่ยวหญิงได้เลยครับ คำนี้)
a dumb dog คือ คนที่เงียบ ไม่พูดไม่จา ในระหว่างประชุม หรือเขากำลังนั่งถกเถียงกัน เรียกได้ว่า มึงมานั่งทำไมฟะ ไม่ออกความเห็นเลย
a lucky dog คือ คนที่โชคดี
dog sleep คือ คนที่นอนๆ แล้วชอบผวาตื่น
dog day คือ วันที่ร้อนจัดสุดของปี (ถ้าเป็นเมืองไทย คงไม่แน่ใจว่าวันไหน แม่งร้อนสุดๆทุกวัน)
 


 
หรือคนอ่านหนังสือหลายคน คงชอบพับมุมหน้าหนังสือที่เราจะคั่น
ไอ้หน้าที่เราพับคั่นหนังสือ เขาเรียกหน้าตรงนั้นว่า Dog-eared

และนอกจากคำนามแสลงที่ผมบอกไว้ คำว่า dog ยังเป็น verb ได้อีกด้วย แปลว่า ไล่หลัง หรือ ติดตาม
ส่วนมากพูดถึงเรื่องไม่ดีที่ติดตามเราอยู่
เช่น
We were dogged by bad luck through-out the journeyเราถูกรุมเร้าด้วยความโชคร้ายตลอดการเดินทาง

 
Dog fight ที่แปลว่า การบินสู้รบกัน ของเครื่องบินขับไล่ เพื่อยิงให้อีกลำตกให้ได้ครับ
พอเห็นคำนี้ ผมเลยนึกถึงคำว่า Cat Fight อีกคำเลย แปลว่า ผู้หญิงตบตีกัน


อีกวลี raining cats and dogs แปลว่าฝนตกแบบไม่ลืมหูลืมตา
ฝรั่งเขาใช้สำนวนหมาแมวแทน คนไทยเราใช้หูกับตา
อย่าถามผมว่าทำไมนะ เพราะผมไม่รู้

วันนี้ขอจบสำนวนหมาๆเพียงเท่านี้ แล้วพบกันใหม่ ครับผม....

วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

อยู่ไป One One

คำว่า One นั้นเป็นตัวเลขคงเทียบได้กับอัษร ก หรือ A คือเป็นตัวแรกในระบบของมัน ถ้าเป็นขบวนการ 5 สีมักเป็นสีแดงเสมอ

One อาจไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่มันอาจหมายถึง หนึ่งในหลายๆสิ่ง เช่น
One of my dogs is fat. ------------> ฉันมีหมาหลายตัว มีอยู่ตัวหนึ่งที่อ้วน

บางทีใช้ One ขยายความว่า มากมายได้อีกด้วย
Whoa! That is one huge credit card bill! ----------------> โฮ้ย! ไหงใบเรียกเก็บเงินบัตรเครดิตแกถึงได้ยอดสูงปรี๊ดขนาดนั้น ไปรูดซื้อเกาะมาเหรอ!!!

บางที One เป็นสรรพนามแทนอะไรซักอย่างที่รู้ๆ เห็นๆ กันอยู่
I brought some donuts. You want one? -----------------> ฉันเอาโดนัทมาด้วย ซักชิ้นมั้ย?

บางที One เป็นสรรพนามแทนใครซักคน แต่ไม่ระบุแค่กล่าวลอยๆ
To become truly great, one has to stand with people, not above them. -----------------> "จะยิ่งใหญ่ได้เราต้องอยู่อย่างเสมอภาค ไม่ใช่พยายามอยู่เหนือเขา"

One has a draw the line somewhere. เป็นสำนวนครับ หมายถึง คนเราต้องรู้จักพอดี รู้ว่าอะไรมากไป อะไรเกินเลยไป อะไรพอยอมรับได้ และอะไรที่หยวนไม่ได้.....


วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

News คำนี้มีที่มา

ผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนคงจะรู้จักคำว่า New
 
New นี้ทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์ (adjective) แปลว่า "ใหม่"
 
ด้วยเหตุนี้เอง บางคนจึงเข้าใจผิดคิดว่า News แปลว่า "สิ่งใหม่ๆหลายสิ่ง"
 
จริงๆแล้วไม่ใช่นะครับ
 
เพราะในความเป็นจริง News แปลว่า "ข่าว" ครับ
 

 
แล้วที่มาของคำว่า News ล่ะ?
 
แท้ที่จริงแล้ว คำว่า News มาจากคำศัพท์ 4 คำครับ
 
4 คำที่ว่านี้ก็คือ North (ทิศเหนือ) , East (ทิศตะวันออก) , West (ทิศตะวันตก) , South (ทิศใต้)
 
เพราะว่าข่าว (News) เป็นเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกสารทิศ (เหนือใต้ออกตก) นั่นเอง

เสื้อมัน "ฟิต" อ่ะ!!!

ผมเชื่อว่าแทบทุกคนคงจะเคยได้ยินคำพูดต่อไปนี้
 
"ทำไมเสื้อตัวนี้มันฟิตจัง"
  
เคยสงสัยมั้ยครับว่าไอ้เจ้าคำว่า "ฟิต" เนี่ยมันมีที่มาที่ไปอย่างไร
 
และที่สำคัญ...เรานำมันมาใช้อย่างถูกต้องหรือเปล่าเอ่ย
 

 
 
คำว่า "ฟิต" นี้ คนไทยเราเอามาจากคำว่า Fit ในภาษาอังกฤษ
 
สำหรับพวกเราชาวไทย เสื้อฟิต = เสื้อตัวเล็กเกินไป นั่นเอง
 
หากเราไปคุยกับฝรั่งแบบนี้...รับรองว่าฝรั่งงงแน่นอน
 
เพราะคำว่า Fit ของฝรั่ง มันแปลว่า "พอดี" ครับ
 
ดังนั้น สำหรับฝรั่งแล้ว เสื้อฟิต = เสื้อที่มีขนาดพอดีตัว ครับ
 

 
ฉะนั้น ถ้าต้องการจะบอกฝรั่งว่า "เสื้อตัวนี้เล็กเกินไป"
 
ผมขอแนะนำให้ใช้ "This shirt is too small" แทนครับ

Damn!!!

ผมเชื่อว่าหลายๆคนที่ดูหนังฮอลลีวูดคงจะเคยได้ยินคำว่า Damn บ่อยๆ
 
คำว่า Damn นี้ทำหน้าที่เป็นได้ทั้งคำนาม (noun) คำกริยา (verb) คำอุทาน (interjection) และคำกริยาวิเศษณ์ (adverb)
 
ถ้าเป็นคำนาม ส่วนมากก็มักจะแปลว่า "ตัวเงินตัวทอง"
 

 
ถ้าเป็นคำกริยา ก็จะแปลว่า "สาปแช่ง" "ด่า" "ประณาม" 
 
ถ้าเป็นคำอุทาน ก็จะแปลว่า "ชิบหาย" "ตายห่า" "เวรกรรม"
 
สังเกตนะครับว่า คำว่า Damn นี้...ความหมายของมันมักจะไม่ค่อยดีเอาซะเลย
 
ยกเว้นเวลาที่ Damn ทำหน้าที่เป็นคำกริยาวิเศษณ์ครับ เช่น
 

Hey, girl! You're so damn pretty!
 
ประโยคนี้เค้าไม่ได้ด่าเรานะครับเค้าชมเราอยู่....เพราะถ้ามันมาทำหน้าที่เป็นคำกริยาวิเศษณ์ (ซึ่งมีหน้าที่ขยายกริยา คำคุณศัพท์ หรือ adjective และคำกริยาวิเศษณ์ด้วยกันเอง)
 
มันจะแปลว่า "โคตร" แทน
 
ดังนั้น
 
...damn pretty... จึงแปลว่า "โคตรสวย"
 

 
ไม่ได้แปลว่า "สวยแบบเหี้ยๆ" แต่อย่างใดครับ

เรื่อง เงินๆ ทองๆ

ภาษาอังกฤษมีศัพท์มากมายที่แนะนำให้คุณเก็บเงินไว้เผื่อใช้ในยามคับขัน ถ้าคุณสนใจในการเก็บหอมรอมริบ ลองเรียนความหมายของสำนวนต่อไปนี้แล้วนำไปใช้กันนะครับ




 
Penny-pinching. หมายถึงเก็บสะสมเงิน หรือคนที่ไม่เต็มใจที่จะจับจ่ายใช้สอยเงินที่มีอยู่ อย่างเช่น I have to do some penny-pinching this month if I want to buy that coat!

A penny saved is a penny earned.
  หมายถึงการไม่ใช้จ่ายเงินนั้นออกไปก็เท่ากับการได้เงินนั้นเข้ามาเพราะว่ามันยังอยู่ในกระเป๋าของคุณนั่นเอง !

The best things in life are free. 
มีความหมายเทียบเท่ากับ Money isn't everything, นั่นคือเงินไม่สามารถซื้อทุกอย่างได้นั่นเอง เช่น ความรัก มิตรภาพ และสุขภาพ

Saving for a rainy day.
หมายถึงเก็บเงินออมไว้เผื่อไว้ใช้ในอนาคต หรือเก็บเงินไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน

Penny wise, pound foolish.
  หมายถึงคนที่จุกจิกระมัดระวังการใช้จ่ายครั้งย่อยๆ แต่ละเลยไม่รอบคอบเมื่อจ่ายครั้งใหญ่ๆ เป็นจำนวนเงินมากๆ

A fool and his money are soon parted.
สำนวนนี้ให้ข้อคิดกับเราว่าคนโง่ไม่รู้จักรักษาเงินของตัวเอง !

Early to bed and early to rise, makes a man healthy, wealthy and wise. 
เป็นคำกล่าวของ Benjamin Franklin ที่รู้จักกันดี หมายถึงถ้าคุณเข้านอนแต่หัวค่ำและตื่นแต่เช้าตรู่ คุณสามารถรวยได้ !

Money doesn't grow on trees.
หมายถึงเงินทองเป็นของหายาก พ่อแม่มักบอกลูกๆ อย่างนี้ถ้าลูกเห็นอะไรก็อยากซื้อไปซะทุกอย่าง !

Money talks.  เป็นสำนวนสมัยใหม่หมายความว่าเงินมีอำนาจ หรือเงินบันดาลให้อะไรเกิดขึ้นได้
 
In for a penny, in for a pound. สำนวนนี้ปัจจุบันหมายความว่าถ้าคุณเริ่มอะไรซักอย่างแล้วก็ควรทำต่อไปให้ เสร็จ แม้ว่าคุณจะต้องใช้ความพยายามมากกว่าที่คาดไว้ก็ตาม ส่วนความหมายดั้งเดิมคือถ้าโทษของการทำผิดไม่ว่าจะเล็กใหญ่ก็มีความรุนแรง เท่ากัน ผู้คนจะเลือกทำผิดครั้งใหญ่เพราะหวังอยากได้ผลประโยชน์มากกว่า

วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556

สุภาพบุรุษ...สุดจะแมน!!!

วันนี้จะมานำเสนอสำนวนที่น่าสนใจกันครับ คือ คำว่า “Manly”
คำนี้ถ้าแปลเป็นไทยก็น่าจะประมาณ แมนสุดๆ นั่นเอง...








สมมติไปเจอฝรั่งสักคนกำลังมีพฤติกรรมอะไรสักอย่างที่โคตรจะสุภาพบุรุษ แสนจะเป็นลูกผู้ชาย ยอดชายในฝัน ทำให้คุณอยากเอ่ยชมขึ้นมา จึงพูดไปว่า “Oh!!! You are so man! ฝรั่งฟังอาจเหวอได้ครับว่า เอ๊ะ!!! มาระบุเพศทำไมหว่ะ หรือพึ่งดูออกว่าฉันเป็นตัวผู้


คำที่คุณต้องการ คือ “Manly”ครับ อ่านว่า แมน-ลี่ นี่แหละ หน้าเหมือน adverb เลย ครูเคยสอนว่าไอ้ลี่ๆ ลงท้ายเอาไว้ขยายกริยา แต่ไม่เสมอไปครับ มี adjective หลายคำนะที่หน้าตาคล้าย adverb รวมถึง “Manly”ด้วย

-เสียงของเขาช่างอ่อนนุ่ม สุดจะ “Manly”แต่ทำไมมือถึงได้กรีดกราย สาวแตกขนาดนั้น หล่ะ
-เฮ้ย!!! หยุดแหกปากร้องไห้ซะที ไม่ “Manly” เอาซะเลย แบบนี้สาวๆไม่ชายตามองแกหรอก!!!
-เด็กคนหนึ่งบ่นพึมพำว่า ผมหล่ะอยากมีขนหน้าอกปุกปุยบ้างจัง จะได้ดู “Manly”หน่อย

        ***จะชมใครว่า แมนแม้นอย่าลืมเติม “-ลี่เข้าไปด้วยนะครับ

วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2556

สวยหล่ออย่างนี้...freshy หล่ะซิ!!!

มาพบกันอีกครั้งครับในวันนี้...เรามาพบกับอีกหนึ่งคำยอดฮิตที่คนไทยชอบใช้ จนเกิดความเคยชินคิดว่าเป็นภาษาอังกฤษที่เค้าใช้กันจริงๆ นั้นคือคำว่า "freshy" ครับ



นักศึกษาปี 1 คนไทยมักเรียกว่า "freshy" ซึ่งฝรั่งไม่รู้เรื่องหรอกครับ เพราะไม่มีการบัญญัติศัพท์คำนี้ในภาษาอังกฤษ เค้าจะใช้คำว่า "fresher" หรือ "freshman" เช่น He is a fresher. หรือ He is a freshman. หรือ He is a first-year student. เขาเป็นนักศึกษาปี 1 ส่วนปีอื่นๆ คนไทยเรียกถูกแล้วครับ คือ ปี 2 เราเรียก a sophomore, ปี 3 เรียกว่า a junior และ ปี 4 เรียกว่า a senior 

ในช่วงที่มหาลัยกำลังใกล้จะเปิดนี้คงมี รุ่นน้องมากมายมาศึกษาวิชากัน หวังว่าคงเรียก น้องๆเค้ากันถูกนะครับ...

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

ฉันชอบดูหนัง soundtrack!!!

ในวันนี้เรามาพบกับอีกหนึ่งคำยอดฮิตที่คนไทยชอบใช้ จนเกิดความเคยชินคิดว่าเป็นภาษาอังกฤษที่เค้าใช้กันจริงๆ นั้นคือคำว่า soundtrack ครับ


เวลาคุณจะบอกใครว่า ฉันต้องการดูหนังฝรั่งที่พากย์ภาษาอังกฤษ อย่าพูดว่า "I want to watch a soundtrack film." แต่ควรจะใช้ว่า "I want to watch an English film." เพราะความหมายของคำว่า "soundtrack" คือ ดนตรีที่อยู่ในภาพยนตร์หรือเพลงประกอบภาพยนตร์ต่างหากล่ะครับ
ถ้าเราจะพูดถึงหนังฝรั่งที่พากย์เสียงภาษาไทย เราต้องบอกว่า "I want to watch an English film that is dubbed into Thai." เพราะคำกิริยาว่า "dub" คือพากย์เสียงจากต้นแบบในหนังหรือรายการโทรทัศน์ไปเป็นภาษาอื่น

ส่วน หนังที่มีคำบรรยายใต้ภาพเราเรียกว่า "a subtitled film" ซึ่งคำบรรยายที่อยู่ใต้ภาพ เราเรียกว่า "subtitles" (ต้องมี s ต่อท้ายเสมอนะครับ) เช่น a French film with English subtitles หนังฝรั่งเศสที่มีคำบรรยายใต้ภาพเป็นภาษาอังกฤษ

หนังบางเรื่องจะมีคำบรรยายใต้ภาพเป็นภาษาเดียวกับที่นักแสดงพูด เรามีศัพท์เรียกเฉพาะว่า "closed-captioned films หรือ อาจเขียนย่อๆ ว่า "CC" เช่น You should watch a closed-captioned film to improve your English. คุณควรจะดูหนังฝรั่งที่มีคำบรรยายภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณ


วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2556

ตีตั๋ว...ดูหนัง


ผมก็เป็นอีกคนที่ชอบเสพความบันเทิงในรูปแบบของภาพยนตร์ และเชื่อว่าหลายคนก็คงชอบเช่นเดียวกัน

แต่เคย งง!!! กันไหมครับเมื่อเวลาไปถึงโรงภาพยนตร์ ......ภาพยนต์แต่ละเรื่องเป็นภาพยนต์แนวไหน
เพราะล้วนแล้วแต่ เป็นภาษาอังกฤษหมดเลย วันนี้เลยมีคำศัพท์เกี่ยวกับประเภทของภาพยนต์มาฝากกัน เผื่อครั้งหน้าจะได้ไม่ งง !!! กันอีกต่อไปครับ


1.Action หนังบู๊


2.Action Comedy หนังตลกบู๊


3.Comedy หนังตลก


4.Romance หนังรักโรแมนติก


5.Romantic Comedy หนังรักตลก


6.Thriller หนังระทึกขวัญ/ไล่ล่า


7.Mystery/Suspense หนังแนวลึกลับ/สืบสวน
8.Drama หนังชีวิต


9.Epic หนังยาวที่ให้ความสำคัญ/หนังแนวมหากาพย์


10.Fantasy หนังแนวจิตนาการ


11.Science Fiction (Sci-Fi) หนังแนววิทยาศาสตร์


12.Animation หนังการ์ตูนกราฟฟิก


13.Classic หนังโบราณ


14.Documentary หนังสารคดี


15.Musical หนังเพลง (ละครเวที)


16.Family หนังสำหรับครอบครัว


17.Horror หนังผี/สยองขวัญ 
  


มีความสุขกับการชมภาพยนตร์ครับผม...............